รีวิว เครื่องฟอกอากาศ ยี่ห้อไหนดี ปี 2023 กรองฝุ่น PM2.5 คุ้มค่า คุ้มราคา

รีวิว เครื่องฟอกอากาศ ยี่ห้อไหนดี ปี 2023 กรองฝุ่น PM2.5 ราคาหลักพัน
โดย Newthape
April 20, 2023 ใน ของใช้ในบ้าน เครื่องใช้ไฟฟ้า
1.1K
0

จากสภาพอากาสที่มีฝุ่นละอองเพิ่มมากขึ้นในช่วงนี้ เครื่องฟอกอากาศ ก็เลยกลับมาเป็นที่นิยมของผู้คนอีกครั้ง แต่ละช่วงเวลา แต่ละปีก็มักจะมีช่วงเวลาที่ฝุ่นละออง PM 2.5 กลับมาเป็นที่กังวลอีกรอบหนึ่ง

เครื่องฟอกอากาศ คือ อุปกรณ์สำหรับใช้งานภายในบ้านเพื่อฟอกอากาศให้สะอาด ขจัดมลพิษ และเพิ่มคุณภาพของอากาศ กรองฝุ่นละออง เชื้อไวรัส เชื้อโรค และเชื้อแบคทีเรีย รวมทั้งขจัดกลิ่นไม่พึงประสงค์ก๊าซที่เป็นอันตราย และละอองมลพิษภายในบ้าน โดยจุดประสงค์หลักใน การใช้งานเครื่องฟอกอากาศ คือ ควบคุมปริมาณการแพร่กระจายฝุ่นละอองที่เป็นอันตราย หรือสารก่อภูมิแพ้ และเพื่อป้องกันอาการแพ้ หรือโรคหอบหืดในกลุ่มเสี่ยง และโรคเกี่ยวกับระบบทางเดินหายใจอื่นๆ

การเลือกซื้อเครื่องฟอกอากาศ ต้องดูจากอะไรบ้าง เพราะมีอยู่เยอะแยะมากมายหลายรุ่น มีรุ่นไหน ราคาเท่าไรที่น่าสนใจ รุ่นไหนสามารถกันฝุ่น PM 2.5 ได้ หรือรุ่นไหนสามารถช่วยในเรื่องการป้องกันเชื้อโรคและแบคทีเรียต่างๆได้ วันนี้เราได้รวบรวม 10 อันดับ รีวิว เครื่องฟอกอากาศ ยี่ห้อไหนดี รวมถึงสิ่งที่ต้องพิจารณาในการเลือกซื้อเครื่องฟอกอากาศมาฝากเพื่อนๆอีกด้วยค่ะ


สารบัญ
1
อันดับ 1
รีวิว เครื่องฟอกอากาศ ยี่ห้อไหนดี - Xiaomi 4 Lite

Xiaomi เครื่องฟอกอากาศ รุ่น Smart Air Purifier 4 Lite

  • มีจอสัมผัส OLED Touch Screen เพื่อแสดงดัชนีคุณภาพอากาศ, แสดงอุณหภูมิ, ระดับความชื้นในอากาศ, โหมดการทำงาน รวมถึงค่า PM 2.5 ภายในห้องได้
  • ฟิลเตอร์มีเกรดประสิทธิภาพสูง ชนิด PCADR 400m3 /h & FCADR 150 m3/h มีคุณสมบัติ ในการกรองสูงถึง 99.97%
  • สามารถกรองสิ่งสกปรก ภายในห้องขนาด 130 ตารางเมตร โดยใช้เวลาเพียงแค่ 1 ชั่วโมงเท่านั้น
  • สามารถเชื่อมต่อกับ WiFi เพื่อสั่งงานได้ผ่านแอปพลิเคชั่น Mi Home ทั้งบนอุปกรณ์ Android และ iOS
2
อันดับ 2
รีวิว เครื่องฟอกอากาศ ยี่ห้อไหนดี - Philips รุ่น ac1215/20

PHILIPS เครื่องฟอกอากาศ รุ่น ac1215/20

  • สร้างอากาศบริสุทธิ์ได้อย่างมีประสิทธิภาพในเวลาอันรวดเร็ว
  • กรองอนุภาคที่เล็กกว่า PM2.5 ได้ถึง 800 เท่า
  • กรองมลพิษทางอากาศ, ขจัดกลิ่นไม่พึงประสงค์, สารก่อภูมิแพ้ หรือไวรัสอนุภาคเล็ก ๆ ที่เรามองไม่เห็นได้ถึง 99.9%
  • สามารถปรับระดับความเร็วได้ถึง 5 ระดับ
  • มีสถานะสีแสดงคุณภาพอากาศขึ้นบนจอ ซึ่งเป็นตัวช่วยในการใช้งานได้ง่ายมากขึ้น
3
อันดับ 3
รีวิว เครื่องฟอกอากาศ ยี่ห้อไหนดี - ELECTROLUX เครื่องฟอกอากาศ รุ่น FA41-403BL

ELECTROLUX เครื่องฟอกอากาศ รุ่น FA41-403BL

  • มีประสิทธิภาพการกรองที่สูงมากๆถึง 5 ขั้นตอน
  • แสดงผลคุณภาพอากาศแบบเรียลไทม์แบบ LED และใช้งานผ่านระบบสัมผัส
  • มีเซ็นเซอร์ตรวจจับฝุ่นละออง PM1, 2.5 และ 10
  • มีระบบ Sleep Mode ที่ทำงานด้วยระดับเสียงต่ำสุด
  • สามารถกรองอากาศได้ 360 องศา

รีวิว 10 อันดับ เครื่องฟอกอากาศ ยี่ห้อไหนดี 2023

วันนี้เราได้รวบรวม รีวิว เครื่องฟอกอากาศ แบบไหนดี รวมถึงสิ่งที่ต้องพิจารณาในการเลือกซื้อเครื่องฟอกอากาศ รุ่นไหนสามารถกันฝุ่น PM 2.5 ได้ มีรุ่นไหนบ้าง ที่น่าสนใจ

1. Xiaomi Mi Air Purifier 4 Lite เครื่องฟอกอากาศ

รีวิว เครื่องฟอกอากาศ ยี่ห้อไหนดี - Xiaomi 4 Lite

มาเริ่มกันที่ตัวแรกกับ Xiaomi รุ่น Smart Air Purifier 4 เรียกได้ว่าเป็นเครื่องฟอกอากาศที่กำลังได้รับความนิยมเป็นอย่างมาก และควรมีติดบ้านไว้สักเครื่องเลย เครื่องฟอกอากาศ Xiaomi Smart Air Purifier 4 มากับดีไซน์มินิมอลคลาสสิก สีขาวสะอาด ไม่ว่าวางมุมไหนของบ้านก็เข้าไปหมด ตัวเครื่องเป็นทรง Tower สี่เหลี่ยม ขนาด 25.0 x 25.0 x 55.5 ซม. ขนาดไม่ใหญ่และไม่กว้างจนเกินไป เหมาะกับห้องขนาด 48 ตารางเมตร ตัวเครื่องทั้งสี่ด้านจะมีรูตะแกรงเพื่อรับอากาศเข้าไปผ่านกระบวนการกรองในเครื่อง ด้านหน้ามีจอสัมผัส OLED Touch Screen ทรงกลม เพื่อแสดงดัชนีคุณภาพอากาศ, แสดงอุณหภูมิ, ระดับความชื้นในอากาศ, โหมดการทำงาน รวมถึงค่า PM 2.5 ภายในห้อง ด้านหลังเครื่องมีรูเซ็นเซอร์วัดอุณหภูมิและความชื้น, เซ็นเซอร์ตรวจจับอนุภาคด้วยเลเซอร์, ปุ่ม เปิด/ปิด หน้าจอ และช่องสำหรับใส่ชุดกรองอากาศ ซึ่งสามารถถอดเปลี่ยน ใส่ใหม่ได้ง่าย สำหรับตัวฟิลเตอร์ของรุ่นนี้ จะเป็นเกรดประสิทธิภาพสูง ชนิด PCADR 400m3 /h & FCADR 150 m3/h มาพร้อมกับคุณสมบัติ ในการกรองสูงถึง 99.97% ขจัดทุกสิ่งสกปรกที่ก่อให้เกิดอาการแพ้ ไม่ว่าจะเป็นขนสัตว์ ​ฝุ่น กลิ่นและสาร TVOC และรวมทั้งสามารถกรองสิ่งแปลกปลอมอนุภาคละเอียดที่มีขนาดเล็กถึง 0.3 ไมครอนอีกด้วยโดยการทำงานจะสามารถกรองสิ่งสกปรก ภายในห้องขนาด 130 ตารางเมตร โดยใช้เวลาเพียงแค่ 1 ชั่วโมงเท่านั้น และยังสามารถเชื่อมต่อกับ WiFi เพื่อสั่งงานได้ผ่านแอปพลิเคชั่น Mi Home ทั้งบนอุปกรณ์ Android และ iOS ไม่ใช่แค่นั้น Smart Air Purifier 4 ยังทำงานได้กับผู้ช่วยอัจฉริยะ Google Assistant และ Amazon Alexa เพื่อให้ผู้ใช้สามารถควบคุมอุปกรณ์ด้วยคำสั่งเสียง และสามารถจับคู่กับอุปกรณ์สมาร์ทโฮมอื่นๆ ของXiaomi ได้ด้วย

ยี่ห้อ/รุ่น : Xiaomi รุ่น Smart Air Purifier 4
แรงดันไฟฟ้า : 100 – 240 V
กำลังไฟฟ้า : 30W
เหมาะกับพื้นที่ : 48 ตารางเมตร
หน้าจอ : OLED Touch Screen
เสียงในการทำงาน : 32.1 – 64 dB
ขนาดสินค้า : 25.0 x 25.0 x 55.5 cm
ฟิลเตอร์ : PCADR 400m3 /h & FCADR 150 m3/h

จุดเด่น

มีจอสัมผัส OLED Touch Screen เพื่อแสดงดัชนีคุณภาพอากาศ, แสดงอุณหภูมิ, ระดับความชื้นในอากาศ, โหมดการทำงาน รวมถึงค่า PM 2.5 ภายในห้องได้ ฟิลเตอร์มีเกรดประสิทธิภาพสูง ชนิด PCADR 400m3 /h & FCADR 150 m3/h มีคุณสมบัติ ในการกรองสูงถึง 99.97% สามารถกรองสิ่งสกปรก ภายในห้องขนาด 130 ตารางเมตร โดยใช้เวลาเพียงแค่ 1 ชั่วโมงเท่านั้น สามารถเชื่อมต่อกับ WiFi เพื่อสั่งงานได้ผ่านแอปพลิเคชั่น Mi Home ทั้งบนอุปกรณ์ Android และ iOS

จุดควรพิจารณา

ตัวเครื่องเคลื่อนย้ายค่อนข้างยาก เนื่องจากตัวเครื่องไม่มีที่จับ มีข้อจำกัดของเวอร์ชั่นของรุ่นโทรศัพท์ ที่จะไม่สามารถใช้งานผ่านแอปพลิเคชั่นได้

2. PHILIPS เครื่องฟอกอากาศ รุ่น ac1215/20

รีวิว เครื่องฟอกอากาศ ยี่ห้อไหนดี - Philips รุ่น ac1215/20

PHILIPS รุ่น ac1215/20 เป็นอีกรุ่นที่ได้รับความนิยมเช่นกัน กับคุณสมบัติที่สามารถฟอกอากาศได้เงียบและต่อเนื่องในระหว่างการนอนหลับ โดยใช้โหมด Night Sense เหมาะสำหรับคนที่นอนไม่ค่อยหลับเวลาที่มีเสียงเครื่องปรับอากาศดังรบกวน เครื่องนี้เหมาะมากๆเลยค่ะ ดีไซน์ทันสมัยและมีการใช้งานที่ไม่ยุ่งยาก สามารถใช้งานในห้องขนาด 63 ตร.ม. ได้อย่างครอบคลุมทั่วทั้งห้อง ทั้งยังมีระบบหมุนเวียนอากาศที่ดีสามารถสร้างอากาศบริสุทธิ์ในอัตรา 270 ลบ.ม./ชม. ได้อย่างมีประสิทธิภาพในเวลาอันรวดเร็ว มีตัวกรองอากาศทั้งหมด 3 ชั้น ที่เพียงแค่กดปุ่มเครื่องฟอกอากาศเพียงครั้งเดียว เครื่องฟอกอากาศจะกรองมลพิษทางอากาศ, ขจัดกลิ่นไม่พึงประสงค์, สารก่อภูมิแพ้ หรือไวรัสอนุภาคเล็ก ๆ ที่เรามองไม่เห็นได้ถึง 99.9% จึงมั่นใจได้เลยว่าจะปลอดภัยจากฝุ่นละออง PM2.5 ทุกครั้งที่เปิดใช้งานเครื่องฟอกอากาศตัวนี้ค่ะ เพราะกรองอนุภาคที่เล็กกว่า PM2.5 ได้ถึง 800 เท่า รวมถึงเชื้อไวรัสที่เกี่ยวกับระบบทางเดินหายใจได้ด้วย มาพร้อมกับเซนเซอร์ตรวจจัลอนุภาคภายในอากาศ สามารถปรับระดับความเร็วได้ 5 ระดับ คือ โหมดนอนหลับ, ระดับ 1 – 3 และโหมดเทอร์โบ และยังมีสถานะสีคุณภาพอากาศแสดงขึ้นบนจอ ว่าตอนนี้อากาศดีในระดับไหน สามารถแยกออกได้ง่าย มองเห็นได้ชัดเจน และเข้าใจได้ทันที ซึ่งจะมีด้วยกันทั้งหมด 4 สี 4 สถานะ ซึ่งเป็นตัวช่วยในการใช้งานได้ง่ายมากขึ้น และสะดวกมากๆเลยค่ะ

ยี่ห้อ/รุ่น : PHILIPS รุ่น ac1215/20
แรงดันไฟฟ้า : 220 V
กำลังไฟฟ้า : 50 W
เหมาะกับพื้นที่ : 20 – 63 ตารางเมตร
หน้าจอ : UI ระบบสัมผัสกับจอแสดงผล
เสียงในการทำงาน : 33 dB
ขนาดสินค้า : 54.1 x 32.5 x 21.1 cm
ฟิลเตอร์ : Nano protect HEPA , AC Carbon Filter

จุดเด่น

สามารถสร้างอากาศบริสุทธิ์ได้อย่างมีประสิทธิภาพในเวลาอันรวดเร็ว สามารถกรองอนุภาคที่เล็กกว่า PM2.5 ได้ถึง 800 เท่า กรองมลพิษทางอากาศ, ขจัดกลิ่นไม่พึงประสงค์, สารก่อภูมิแพ้ หรือไวรัสอนุภาคเล็กๆ ได้ถึง 99.9% ปรับระดับความเร็วได้ถึง 5 ระดับ มี Healthy Air Perfect Alert ช่วยเตือน เมื่อถึงเวลาเปลี่ยนแผ่นกรอง

จุดควรพิจารณา

ไม่มีบอกค่า PM เป็นตัวเลข คุณภาพอากาศดูได้จากสีไฟ

3. ELECTROLUX เครื่องฟอกอากาศ รุ่น FA41-403BL

รีวิว เครื่องฟอกอากาศ ยี่ห้อไหนดี - ELECTROLUX เครื่องฟอกอากาศ รุ่น FA41-403BL

เครื่องฟอกอากาศ ELECTROLUX รุ่น FA41-403BL ช่วยฟอกอากาศรอบตัวคุณให้สะอาดบริสุทธิ์ กระจายทั่วห้องครอบคลุมพื้นที่ได้มากถึง 50 ตารางเมตร ด้วยขนาดตัวเครื่อง 32.0 x 32.0 x 58.0 ซม. มาพร้อมกับดีไซน์ที่ดูเรียบหรู สี Nordic Blue ที่ดูสวยแล้วก็ทันสมัยมากๆ เห็นเป็นเครื่องกรองอากาสทรงแนวตั้งแบบนี้แต่สามารถกรองอากาศได้ถึง 360 องศาเลยค่ะ มีประสิทธิภาพการกรองที่สูงมากๆถึง 5 ขั้นตอน (Pre, Anti-bacterial HEPA, HEPA13, Activated Carbon, UV-C) มาพร้อมเซ็นเซอร์ตรวจจับฝุ่นละออง PM1, 2.5 และ 10 กรองละเอียดได้ถึง 0.3 ไมครอน สามารถฆ่าเชื้อโรค UV-C และ Anti-bacteria ได้ถึง 99.9%  ใช้งานง่าย แสดงผลคุณภาพอากาศแบบเรียลไทม์แบบ LED ผ่านหน้าจอระบบสัมผัส ตอบสนองการปรับระดับคุณภาพอากาศตามที่ต้องการ ทำงานเงียบอย่างมีประสิทธิภาพด้วยระดับเสียงต่ำสุดเพียง 19 เดซิเบล เมื่อใช้โหมด Sleep สามารถปรับความแรงพัดลมได้ถึง 9 ระดับ มีระบบไฟแจ้งเตือนเมื่อถึงเวลาที่ควรเปลี่ยนแผ่นกรอง แถมยังถอดเปลี่ยนใส่ได้ง่าย รุ่นนี้มี ปุ่ม Child lock ด้วยนะคะ สามารถป้องกันอันตรายจากการใช้งานจากเด็กและสัตว์เลี้ยงได้อีกด้วย

ยี่ห้อ/รุ่น : ELECTROLUX รุ่น FA41-403BL
แรงดันไฟฟ้า : 220V
กำลังไฟฟ้า :
เหมาะกับพื้นที่ : 50 ตารางเมตร
หน้าจอ : LED และใช้งานผ่านระบบสัมผัส
เสียงในการทำงาน : ต่ำสุด 19 dB เมื่อใช้โหมด Sleep
ขนาดสินค้า : 37.0 x 37.0 x 64.0 cm
ฟิลเตอร์ : Pre, Anti-bacterial HEPA, HEPA13, Activated Carbon, UV-C

จุดเด่น

มีประสิทธิภาพในการกรองอากาศ ได้สูงมากถึง 5 ขั้นตอน แสดงผลคุณภาพอากาศแบบเรียลไทม์แบบ LED และใช้งานผ่านระบบสัมผัส มีเซ็นเซอร์ตรวจจับฝุ่นละออง PM1, 2.5 และ 10 กรองละเอียด 0.3 ไมครอน มีระบบ Sleep Mode ที่ทำงานด้วยระดับเสียงต่ำสุดเพียง 19 เดซิเบล สามารถกรองอากาศได้ 360 องศา

จุดควรพิจารณา

ไม่มีรีโมตคอนโทรล หรือการเชื่อมต่อผ่าน Wifi เพื่อสั่งงานในระยะไกลได้

4. SHARP เครื่องฟอกอากาศ รุ่น FP-J30TA-P

รีวิว เครื่องฟอกอากาศ ยี่ห้อไหนดี - Sharp FP-J30TA-P

เครื่องฟอกอากาศ SHARP รุ่น FP-J30TA-P เป็นเครื่องฟอกอากาศขนาดเล็กที่มีราคาย่อมเยาว์ สามารถกรองฝุ่น PM 2.5 ได้ มาพร้อมกับดีไซน์โค้งมน ที่ดูน่ารักเล็กกระทัดรัด มีให้เลือก 2 สี ได้แก่ สีชมพูและสีฟ้า สามารถเคลื่อนย้ายได้ง่ายด้วยน้ำหนักเพียง 4 กิโลกรัม เหมาะสำหรับใช้ในห้องขนาด 23 ตารางเมตร เครื่องฟอกอากาศรุ่นนี้มาพร้อมกับระบบพลาสม่าคลัสเตอร์ ที่ช่วยลดไฟฟ้าสถิตได้ทั้ปงระจุบวกและประจุลบ ที่จะเข้าไปดักจับกับสารปนเปื้อนในอากาศ ไม่ว่าจะเป็น เซลล์เชื้อรา ไวรัส แบคทีเรีย เชื้อไข้หวัดนก H5N1 ในอากาศ สลายกลิ่นอับชื้น ตลอดจนสลายฤทธิ์สารก่อภูมิแพ้จากไรฝุ่น รวมถึงในปัจจุบันได้ผ่านการทดสอบแล้วว่า สามารถทำลายเชื้อไข้หวัดสายพันธุ์ใหม่ได้อีกด้วย โดยระบบการทำงานก็คือจะดูดสารเหล่านั้นเข้ามาในเครื่องฟอกอากาศ ถูกกรอง และปล่อยอากาศบริสุทธิ์ออกมาแทนนั่นเอง มีตัวเซ็นเซอร์ตรวจจับกลิ่น และ ตรวจจับฝุ่นละออง สามารถปรับระดับได้ 3 ระดับ ได้แก่ ระดับสูง กลาง รวมถึง Sleep mode ที่ตัวเครื่องยังมีไฟสัญลักษณ์แสดงการเปลี่ยนไส้กรอง แจ้งเตือนให้เปลี่ยนไส้กรองได้ในเวลาไหน ซึ่งอย่างต่ำจะมีอายุการใช้งานอยู่ที่ 2 ปีค่ะ

ยี่ห้อ/รุ่น : SHARP รุ่น FP-J30TA-P
แรงดันไฟฟ้า : 220 V
กำลังไฟฟ้า : สูง 50 W ปานกลาง 30 W โหมดนอนหลับ 13 W
เหมาะกับพื้นที่ : 23 ตารางเมตร
หน้าจอ : มีปุ่มควบคุมความสว่าง (Bright/off)
เสียงในการทำงาน : 23 – 44 dB
ขนาดสินค้า : 41.1 x 43.1 x 21.1 cm
ฟิลเตอร์ : HEPA Filter

จุดเด่น

มีราคาที่ย่อมเยาว์ สามารถกองฝุ่น PM 2.5 ได้ มีระบบพลาสม่าคลัสเตอร์ ที่ช่วยดักจับสารปนเปื้อนในอากาศ ไม่ว่าจะเป็น เซลล์เชื้อรา ไวรัส แบคทีเรีย เชื้อไข้หวัดนก H5N1 รวมถึงสามารถทำลายเชื้อไข้หวัดสายพันธุ์ใหม่ได้อีกด้วย

จุดควรพิจารณา

ตัวเครื่องมีขนาดเล็ก ซึ่งเหมาะกับการใช้ภายในพื้นในพื้นที่เล็กๆเท่านั้น อาจจะครอบคลุมไม่ทั่วถึง ไม่สามารถกรองกลิ่นได้ดีเท่าไร เช่นกลิ่นอาหารที่แรงๆ ต้องเปิดหน้าต่างหรือประตูช่วยระบายกลิ่น

5. Hatari เครื่องฟอกอากาศ รุ่น ht-ap12

รีวิว เครื่องฟอกอากาศ ยี่ห้อไหนดี - Hatari

เครื่องฟอกอากาศ Hatari รุ่น ht-ap12 สำหรับรุ่นนี้เป็นเครื่องฟอกอากาศที่ได้ผ่านการรับรองมาตรฐานระบบการจัดการสิ่งแวดล้อม ISO 14001 และมาตรฐานความปลอดภัยอมก. ทั้งระดับสากลและในประเทศ ที่มั่นใจในเรื่องของประสิทธิภาพการใช้งานได้เลย ว่ามีคุณภาพอย่างแน่นอน เหมาะสำหรับห้องขนาด 30-32 ตารางเมตร มีขนาด 39.0 x 53.5 x 19.3 ซม. โดยจะทำงานด้วยระบบไอออนไนเซอร์ ที่จะปล่อยประจุไอออนลบเข้าจับอนุภาคฝุ่น และระบบพลาสมาที่ปล่อยประจุไอออนบวกและลบ ที่มีคุณสมบัติช่วยยับยั้งการเติบโตของแบคทีเรียหรือเชื้อโรคที่ปะปนมากับอากาศ โดยผ่านการกรอง 4 ชั้น ได้แก่ Pre-Filter แผ่นกรองชั้นแรก ที่ช่วยกำจัดฝุ่นและสารแปลกปลอมที่มีอนุภาคใหญ่ BIO Filter แผ่นกรองชั้นใน เคลือบสารสกัดแซนโทนจากเปลือกมังคุด ทำหน้าที่ยับยั้งการเติบโตของเชื้อโรค HEPA Filter อีกส่วนของแผ่นกรองชั้นใน ที่ช่วยดักจับฝุ่นละอองละเอียดที่สุดถึง 0.3 ไมครอน และชั้นสุดท้าย Activated Carbon Filter แผ่นกรองคาร์บอน ที่ช่วยขจัดกลิ่นที่ไม่ถึงประสงค์ได้อีกด้วย ที่สำหรับยังสามารถถอดเปลี่ยนเองได้ง่าย ๆ สามารถควบคุมเครื่องฟอกอากาศนี้ได้ด้วยการใช้ปุ่มระบบสัมผัส เพิ่มความสะดวกในการตั้งค่าและควบคุมฟังก์ชันอื่น ๆ

ยี่ห้อ/รุ่น : Hatari รุ่น ht-ap12
แรงดันไฟฟ้า : 220V 50Hz
กำลังไฟฟ้า : 49W
เหมาะกับพื้นที่ : 30 – 32 ตารางเมตร
หน้าจอ : ปุ่มกดระบบสัมผัส Touch Screen
เสียงในการทำงาน :
ขนาดสินค้า : 39.0 x 53.5 x 19.3 cm
ฟิลเตอร์ : Bio Filter, HEPA Filter , Activated Carbon Filter

จุดเด่น

มีระบบไอออนไนเซอร์และระบบพลาสมา ที่จะช่วยจับอนุภาคฝุ่น และช่วยยับยั้งการเติบโตของแบคทีเรียหรือเชื้อโรคที่ปะปนมากับอากาศ ผ่านการรับรองมาตรฐานระบบการจัดการสิ่งแวดล้อม ISO 14001 และมาตรฐานความปลอดภัยอมก. ผ่านการกรองอากาศ 4 ชั้น

จุดควรพิจารณา

ไม่มีสัญลักษณ์แจ้งเตือนว่าควรเปลี่ยนแผ่นกรองเมื่อไหร่ จึงควรเช็คทำความสะอาดบ่อยๆ ไม่มีเซ็นเซอร์ตรวจจับค่าฝุ่น

6. Daikin เครื่องฟอกอากาศ รุ่น MC30YVM7

รีวิว เครื่องฟอกอากาศ ยี่ห้อไหนดี - Daikin ดีไหม

เครื่องฟอกอากาศ Daikin เครื่องฟอกอากาศ รุ่น MC30YVM7 เป็นเครื่องฟอกอากาศรุ่นหนึ่งที่ขึ้นชื่อในเรื่องของระยะการใช้งาน ที่สามารถใช้งานได้อย่างยาวนานถึง 10 ปี ใช้เทคโนโลยีฟอกอากาศ 3 ชั้น ด้วยระบบ STREAMER TECHNOLOGY ประจุอิเล็กตรอนไฟฟ้าความเร็วสูง ที่ช่วยสลายเชื้อโรคและสสารอันตรายได้ถึงแก่น โดยผ่านการทดสอบประสิทธิภาพในการยับยั้งเชื้อรา แบคทีเรีย ไวรัส สารก่อภูมิแพ้ และก๊าซอันตราย 60 กว่าชนิด พร้อมฟิลเตอร์ HEPA แบบไฟฟ้าสถิต ยับยั้งฝุ่นขนาดเล็ก และ Deodorizing Filter ที่ช่วยในเรื่องของการดับกลิ่นได้อีกด้วย เหมาะสำหรับห้องขนาดไม่เกิน 23 ตารางเมตร มีขนาด 27.0 x 27.0 x 45.0 cm ซึ่งเล็กกระทัดลัด เข้ากับมุมห้องได้พอดี รุ่นนี้มีเซ็นเซอร์วัดระดับค่าฝุ่น PM 2.5 ด้วยนะคะ สามารถปรับโหมดการใช้งานได้ถึง 4 โหมด ได้แก่ Econo Mode (โหมดประหยัดพลังงาน) , Turbo Mode (โหมดพัดลมเทอร์โบ) , Auto Fan Mode (โหมดพัดลมอัตโนมัติ) และ Anti-Pollen Mode (โหมดป้องกันละอองเกสร) ทำงานด้วยเสียงที่เงียบมากๆ เพียงแค่ 19 เดซิเบลเท่านั้น และอีกหนึ่งคุณสมบัติที่ดีมากๆของรุ่นนี้ก็คือ มีระบบป้องกันไฟตกไฟกระชากด้วยนะคะ รับรองใช้งานได้อย่างปลอดภัยแน่นอน

ยี่ห้อ/รุ่น : Daikin รุ่น MC30YVM7
แรงดันไฟฟ้า : 220 – 240V 50/60Hz
กำลังไฟฟ้า :
เหมาะกับพื้นที่ : 23 ตารางเมตร
หน้าจอ :
เสียงในการทำงาน : ต่ำสุด 19 dB
ขนาดสินค้า : 27.0 x 27.0 x 45.0 cm
ฟิลเตอร์ : Electrostatic HEPA Filter , Deodorizing Filter

จุดเด่น

มีความทนทาน อายุการใช้งานยาวนาน ทำงานด้วยเสียงที่เงียบ เพียง 19dB ใช้เทคโนโลยีฟอกอากาศ 3 ชั้น ช่วยสลายเชื้อโรค แบคทีเรีย ไวรัส สารก่อภูมิแพ้ ก๊าซอันตราย 60 กว่าชนิด มีเซ็นเซอร์วัดระดับค่าฝุ่น PM 2.5 มีระบบป้องกันไฟตกไฟกระชาก สามารถปรับโหมดการใช้งานได้ถึง 4 โหมด ได้แก่ Econo Mode, Turbo Mode, Auto Fan Mode และ Anti-Pollen Mode

จุดควรพิจารณา

แรงลมที่ออกมาไม่แรงเท่าไร แม้จะเปิดในระดับสูงสุดแล้ว เหมาะกับพื้นที่ห้องขนาดเล็กๆเท่านั้น ห้องที่ใหญ่อาจจะทำงานได้ไม่ครอบคลุม

7. SMART HOME เครื่องฟอกอากาศ รุ่น AP-180UV

รีวิว เครื่องฟอกอากาศ ยี่ห้อไหนดี - Smarthome ดีไหม

เครื่องฟอกอากาศ SMART HOME รุ่น AP-180UV เป็นอีกหนึ่งเครื่องฟอกอากาศที่ราคาย่อมเยาว์ แต่ก็มีระบบการใช้งานที่ครบครัน รุ่นนี้มีอนุภาคการดักจับฝุ่น (CADR) 220 m3/h มีแผ่นกรอง HEPA ระดับ 13 ที่กรองฝุ่นได้ละเอียดระดับ 0.1 ไมครอน เพิ่มประสิทธิภาพด้วยการกรอง 5 ขั้นตอน ไม่ว่าจะเป็น ฝุ่นขนาดใหญ่ PM 2.5 ละอองเกสร ไรฝุ่น แบคทีเรีย รวมถึงกลิ่นอับ โดยการทำงานจะฆ่าเชื้อต่างๆด้วยแสงUV ที่ผ่านการทดสอบและรับรองมาตรฐานจาก สวทช. ว่าสามารถใช้ฆ่าเชื้อแบคทีเรียได้ สามารถตั้งเวลาการทำงานของเครื่องได้ 1-12 ชั่วโมง สามารถเลือกการทำงานได้ 3 โหมด ได้แก่ Auto , Manual และ Sleep Mode ที่ช่วยป้องกันเสียงและแสง เมื่อใช้งานในขณะที่หลับอยู่ด้วย สามารถปรับแรงลมได้ 3 ระดับ ด้วยหน้าจอระบบสัมผัส หน้าจอจะแสดงสถานะค่าอากาศ แสดงระดับฝุ่นละอองขนาดเล็ก 2.5 ไมครอน (PM2.5) แบบเรียลไทม์ มีแจ้งไฟเตือนเมื่อถึงเวลาเปลี่ยนไส้กรอง ทำให้เป็นเครื่องมือที่มีประสิทธิภาพในการรักษาอากาศให้สะอาด ด้วยกำลังไฟ 40 วัตต์ สามารถใช้เครื่องฟอกอากาศได้นานถึง 3,000 ชั่วโมง และยังสามารถซื้อไส้กรองมาเปลี่ยนเองได้เมื่อไส้กรองหมดอายุการใช้งาน วิธีการเปลี่ยนไส้กรองก็ง่ายดายไม่ยุ่งยากซับซ้อนอีกด้วยค่ะ

ยี่ห้อ/รุ่น : SMART HOME รุ่น AP-180UV
แรงดันไฟฟ้า : 220V
กำลังไฟฟ้า : 40W
เหมาะกับพื้นที่ : 20-35 ตารางเมตร
หน้าจอ : ระบบหน้าจอสัมผัส
เสียงในการทำงาน :
ขนาดสินค้า : 33.0 x 20.0 x 50.0 cm
ฟิลเตอร์ : HEPA Filter

จุดเด่น

มีอนุภาคการดักจับฝุ่น (CADR) 220 m3/h มีแผ่นกรอง HEPA ระดับ 13 ที่กรองฝุ่นได้ละเอียดระดับ 0.1 ไมครอน เพิ่มประสิทธิภาพด้วยการกรอง 5 ขั้นตอน ผ่านการทดสอบและรับรองมาตรฐานจาก สวทช. ว่าสามารถใช้ฆ่าเชื้อแบคทีเรียได้ หน้าจอแสดงสถานะค่าอากาศ แสดงระดับฝุ่นละอองขนาดเล็ก 2.5 ไมครอน (PM2.5) ได้แบบเรียลไทม์ สามารถใช้เครื่องฟอกอากาศได้นานถึง 3,000 ชั่วโมง

จุดควรพิจารณา

ระบบเซนเซอร์วัดระดับ PM2.5 อาจมีการวัดค่าสวิงไปมาขึ้นสูงมากผิดปกติในบางครั้ง เครื่องสั่นเสียงดังกว่ายี่ห้ออื่น

8. Levoit เครื่องฟอกอากาศ รุ่น core P350

รีวิว เครื่องฟอกอากาศ ยี่ห้อไหนดี - Levoit

เครื่องฟอกอากาศ Levoit รุ่น core P350 หรืออีกชื่อที่เรียกว่า Core P350 Pet Care True HEPA Air Purifier เป็นเครื่องฟอกอากาศที่ผลิตขึ้นมาสำหรับบ้านที่มีสัตว์เลี้ยงโดยเฉพาะเลยค่ะ เหมาะกับพื้นที่ 20 – 40 ตารางเมตร มีขนาด 22.0 x 22.0 x 36.0 cm เล็กกระทัดรัด สามารถทำงานได้ 360 องศา มาพร้อมกับเทคโนโลยี ARC (AirReCompostion) ของตัวกรองถ่านกัมมันต์ และตัวกรองพิเศษ 0.3 ไมครอน ที่สามารถช่วยขจัดกลิ่น ดูดซับกลิ่นแอมโมเนีย ดักจับกลิ่นไม่พึงประสงค์ เส้นขน เซลล์ผิวหนังสัตว์เลี้ยง ฝุ่นครัวเรือน และไรฝุ่นบนตัวที่เรามองไม่เห็น ซึ่งเป็นสาเหตุของภูมิแพ้ ได้ถึง 99.97% รวมถึงช่วยในการระงับกลิ่นกายได้ถึง 60% และย่อยสลายทางเคมี เพื่อหลีกเลี่ยงมลภาวะจากมือสองอีกด้วยค่ะ และยังมีเทคโนโลยี QuietKEAP ที่ช่วยรักษาระดับเสียงให้ต่ำได้ถึง 24 เดซิเบล สามารถปรับความแรงลมได้ 3 ระดับ มีโหมดการใช้งาน Fan mode และ Sleep Mode สามารถตั้งเวลาการใช้งานได้ 2 – 8 ชั่วโมง ที่สำคัญตัวเครื่องยังมีระบบล็อคป้องกันไม่ให้สัตว์เลี้ยงเผลอกดปิดเครื่องได้อีกด้วย เรียกได้ว่าเป็นมิตรทั้งกับเจ้าของและสัตว์เลี้ยงของคุณเลยค่ะ

ยี่ห้อ/รุ่น : Levoit รุ่น core P350
แรงดันไฟฟ้า : 220-240V , 50/60Hz
กำลังไฟฟ้า : 33W
เหมาะกับพื้นที่ : 20-40 ตารางเมตร
หน้าจอ : ปุ่มกดระบบสัมผัส
เสียงในการทำงาน : 24-48 dB
ขนาดสินค้า : 22.0 x 22.0 x 36.0 cm
ฟิลเตอร์ : Activated Carbon

จุดเด่น

เป็นเครื่องฟอกอากาศที่เหมาะสำหรับบ้านที่เลี้ยงสัตว์โดยเฉพาะ สามารถฟอกอากาศได้ 360 องศา มีเทคโนโลยี ARC (AirReCompostion) และตัวกรองพิเศษ 0.3 ไมครอน ที่สามารถช่วยขจัดกลิ่น ดักจับกลิ่นไม่พึงประสงค์ เส้นขน เซลล์ผิวหนังสัตว์เลี้ยง ฝุ่นครัวเรือน และไรฝุ่นบนตัวที่เรามองไม่เห็น ซึ่งเป็นสาเหตุของภูมิแพ้ ได้ถึง 99.97% เทคโนโลยี QuietKEAP ที่ช่วยรักษาระดับเสียงให้ต่ำได้ถึง 24 เดซิเบล

จุดควรพิจารณา

ไม่มีรีโมตคอนโทรล หรือการเชื่อมต่อผ่าน Wifi เพื่อสั่งงานในระยะไกลได้ ไม่มีเซ็นเซอร์ตรวจจับค่าฝุ่น

9. SAMSUNG เครื่องฟอกอากาศ รุ่น AX32BG3100GBST

รีวิว เครื่องฟอกอากาศ ยี่ห้อไหนดี - Samsung ดีไหม

เครื่องฟอกอากาศ SAMSUNG รุ่น AX32BG3100GBST เป็นอีกรุ่นของเครื่องฟอกอากาศของ Samsung ที่ได้รับความนิยม เหมาะสำหรับพื้นที่ 41 ตารางเมตร มีขนาด 34.9 x 49.9 x 23.6 ซม. ที่มีคุณสมบัติเด่นๆ ก็คือ สามารถขจัดฝุ่นอนุภาคเล็ก PM0.3 ได้มากถึง 99.9% ด้วยนวัตกรรมฟอกอากาศบริสุทธิ์หลายขั้นตอน ฟอกอากาศให้บริสุทธิ์และปลอดภัยด้วยแผ่นกรองอากาศ 3 ชั้น โดยจะดักจับฝุ่นขนาดใหญ่ด้วยแผ่นกรอง Pre-filter ที่สามารถถอดล้างได้ จากนั้นกรองอากาศให้บริสุทธิ์ยิ่งขึ้นด้วย แผ่นกรอง Activated Carbon ที่ช่วยดูดซับก๊าซอันตรายต่างๆ และกลิ่นไม่พึงประสงค์ กรองอากาศให้บริสุทธิ์ขั้นสุดด้วยแผ่นกรอง HEPA กรองฝุ่นอนุภาคเล็กถึงขนาด PM10, PM2.5, PM1.0 และ PM0.3 ได้มากถึง 99.9% รวมถึงยับยั้งเชื้อแบคทีเรียได้อีกด้วย มีระบบสั่งงานผ่าน Wi-Fi ด้วย Application Smart thing เทคโนโลยีสุดล้ำจากสมาร์ทโฟน ผสมผสานแพลตฟอร์มอัจฉริยะ เชื่อมต่อให้เข้ากับเครื่องใช้ไฟฟ้าภายในบ้านได้อย่างง่ายดาย เพียงโหลด SmartThings แอพพลิเคชั่น ก็สามารถสั่งงานควบคุมเปิดปิด เช็คสถานะการทำงานของเครื่องฟอกอากาศ ได้ทุกที่ทุกเวลา มีตัวแสดงผล 4 สี Air Sensing Light ตรวจดูระดับของมลพิษทางอากาศ ได้อย่างง่ายดายยิ่งขึ้น เซ็นเซอร์ตรวจจับฝุ่นและแก๊ส ช่วยตรวจดูคุณภาพอากาศได้แบบเรียลไทม์ ตัวแสดงผล 4 สีแสดงให้ทราบถึงปริมาณมลพิษได้อย่างชัดเจนด้วยสี 4 ระดับ ส่วน Air Sensing Light ก็จะช่วยแสดงสถานะของอากาศ เพื่อให้คุณทราบได้ทันทีว่าอากาศนั้นสะอาดแค่ไหน

ยี่ห้อ/รุ่น : SAMSUNG รุ่น AX32BG3100GBST
แรงดันไฟฟ้า :
กำลังไฟฟ้า : 45W
เหมาะกับพื้นที่ : 41 ตารางเมตร
หน้าจอ : ปุ่มกดระบบสัมผัส
เสียงในการทำงาน :
ขนาดสินค้า : 34.9 x 49.9 x 23.6 cm
ฟิลเตอร์ : Activated Carbon , HEPA Filter

จุดเด่น

สามารถทำงานได้ครอบคลุมถึง 41 ตารางเมตร สามารถกรองฝุ่นอนุภาคเล็กถึงขนาด PM10, PM2.5, PM1.0และ PM0.3 ได้ มากถึง 99.9% มีระบบสั่งงานผ่าน Wi-fi ด้วย Application Smart Thing มีระบบเซ็นเซอร์ตรวจจับค่าฝุ่น มีตัวแสดงผล 4 สี Air Sensing Light ที่ช่วยตรวจดูระดับของมลพิษทางอากาศ ได้อย่างง่ายดายยิ่งขึ้น

จุดควรพิจารณา

ตัวเครื่องมีขนาดที่ค่อนข้างหนัก ถ้าต้องการขนย้ายด้วยการยก อาจจะต้องใช้คน 2 คนขึ้นไป ต้องสร้างแอคเค้าท์ของ Samsung เท่านั้น เพื่อเข้าใช้งานใน Application SmartThings

10. Blueair เครื่องฟอกอากาศ รุ่น HealthProtect 7410i

รีวิว เครื่องฟอกอากาศ ยี่ห้อไหนดี - Blueair

สำหรับยี่ห้อสุดท้ายที่จะมาแนะนำในวันนี้ก็คือ เครื่องฟอกอากาศ Blueair รุ่น HealthProtect 7410i ดีไซน์เรียบง่ายเข้าได้กับทุกสไตล์ของบ้าน มีจุดเด่นอยู่ที่ระบบ HealthProtect™ ที่สามารถป้องกันไวรัสและแบคทีเรีย ตลอด 24 ชม. HEPASilent Ultra™ ประสิทธิภาพการฟอก ตามมาตรฐาน True HEPA สามารถฆ่าเชื้อโรคได้ 99.99% และกำจัดอนุภาคได้ 99.97% ที่อนุภาคขนาด 0.1 micron เป็นเทคโนโลยีที่ทันสมัยที่สุดของ Blueair ที่เติมอากาศบริสุทธิ์ได้มากขึ้น เสียงเงียบลง ใช้พลังงานน้อยลง สามารถดักจับ เชื้อไวรัส แบคทีเรีย ได้อย่างรวดเร็ว เมื่อเทียบกับเครื่องฟอกยี่ห้ออื่นๆ และยังสามารถ ดักจับสารก่อภูมิแพ้ เช่น ฝุ่น ละอองเกสร สะเก็ดผิวหนังแห้งจากสัตว์เลี้ยง เชื้อรา ควันบุหรี่ สารเคมี รวมทั้งกลิ่นไม่พึงประสงค์ ต่างๆ ได้เป็นอย่างดี มีระบบ SpiralAir™ ที่ช่วยปล่อยลมออกจากช่องลมได้แบบ 360◦ รอบทิศทางของตัวเครื่องช่วยให้สามารถส่งอากาศบริสุทธิ์ไปทั่วทุกมุมห้อง และมีระบบ GermShield™ ที่เมื่อปิดเครื่องฟอกอากาศแล้ว แต่เซ็นเซอร์ยังคงทำการตรวจสอบห้องของคุณในเชิงรุก เปิดใช้งานเพื่อฆ่าเชื้อโรคและป้องกันการเจริญเติบโตของเชื้อโรคในไส้กรองด้วยแรงลมต่ำและประจุไฟฟ้าทุกวัน ตลอด 24 ชม. สำหรับตัวไส้กรองจะเป็นแบบ SmartFilter มี RFID chip ติดตามการใช้งานไส้กรองแบบเรียลไทม์ แจ้งอายุการใช้งานได้แม่นยำ แสดงเป็น % คงเหลือ มีการออกแบบลักษณะคล้ายกับหนังสือ เพื่อให้เชื้อโรคอยู่ด้านใน เมื่อเปลี่ยนไส้กรองจะได้ไม่สัมผัสเชื้อโรค อายุของไส้กรอง 1 ปี มีเซ็นเซอร์แสดงผลการทำงาน บอกค่าบนหน้าจอสัมผัส ได้ทั้ง PM10, PM2.5, PM1, หน้าจออนิเมชั่น (VOC) แสดงแถบสี แบ่งระดับได้ 5 สี: ฟ้า, เขียว, เหลือง, ส้ม, แดง นอกจากนี้ยังสามารถเชื่อมต่อ Wifi เพื่อสั่งการใช้งานและดูคุณภาพอากาศอย่างละเอียดได้ ผ่าน Blueair App ที่รองรับทั้งระบบ iOS และ Android เลยค่ะ

ยี่ห้อ/รุ่น : Blueair รุ่น Health Protect 7410i
แรงดันไฟฟ้า :
กำลังไฟฟ้า : 9 – 43W
เหมาะกับพื้นที่ : 38 – 63 ตารางเมตร
หน้าจอ : –
เสียงในการทำงาน : 25 – 45 dB
ขนาดสินค้า : 30.0 x 30.0 x 69.0 cm
ฟิลเตอร์ : HEPASilent Ultra , Particle , Activated Carbon

จุดเด่น

มีระบบ HealthProtect™ ที่สามารถป้องกันไวรัสและแบคทีเรียต่างๆ ได้ตลอด 24 ชม. มีระบบ SpiralAir™ สามารถปล่อยอากาศบริสุทธิ์แบบรอบทิศทาง360◦ รอบๆตัวเครื่อง กระจายไปทั่วทุกมุมห้องได้อย่างรวดเร็ว มีระบบ GermShield™ ช่วยป้องกันไวรัส และแบคทีเรียได้ ตลอด 24 ชม. แม้ปิดเครื่องฟอกอากาศแล้ว สามารถเชื่อมต่อ Wifi เพื่อสั่งการใช้งานและดูคุณภาพอากาศอย่างละเอียดได้ ผ่าน Blueair App ที่รองรับทั้งระบบ iOS และ Android ตัวไส้กรองจะเป็นแบบ SmartFilter มี RFID chip ติดตามการใช้งานไส้กรองแบบเรียลไทม์ แจ้งอายุการใช้งานได้แม่นยำ

จุดควรพิจารณา

มีราคาค่อนข้างสูง แต่ประสิทธิภาพในการฟอกอากาศสูง

สิ่งที่ต้องพิจารณาในการเลือกซื้อ เครื่องฟอกอากาศ แบบไหนดี

สิ่งที่ต้องพิจารณาในการเลือกซื้อเครื่องฟอกอากาศ แบบไหนดี

1. ชนิดของตัวกรองเครื่องฟอกอากาศ

เทคโนโลยีในการกรองอากาศให้สะอาดอย่างมีประสิทธิภาพมีด้วยกันหลายเทคโนโลยี อย่างแรกที่ต้องพิจารณาคือ แผ่นกรองอากาศ ให้มีประสิทธิภาพเหมาะสมกับการใช้งาน

ตัวกรองพรีฟิลเตอร์ ช่วยกรองฝุ่นละอองอนุภาคขนาดใหญ่ เช่น ขนสัตว์ ก่อนอากาศจะเข้าสู่การกรองชั้นต่อไป หากคุณมีสัตว์เลี้ยงภายในบ้านจึงควรเลือกเครื่องฟอกอากาศที่มีตัวกรองพรีฟิลเตอร์ประสิทธิภาพสูง เพื่อการดักจับขนสัตว์เลี้ยงได้อย่างมีประสิทธิภาพ

ตัวกรอง HEPA สามารถขจัดฝุ่นละอองขนาด 0.3 ไมครอน หรือใหญ่กว่าได้ถึง 99.98% และยังกรองฝุ่นผง ละอองเกสร เชื้อรา และสะเก็ดละอองจากสัตว์เลี้ยงได้อย่างมีประสิทธิภาพ ตัวกรอง HEPA จึงเหมาะกับผู้ที่มีอาการหอบหืด หรือภูมิแพ้ ซึ่งตัวกรองนั้นมีทั้งชนิด “HEPA-like” (คล้ายคลึงกับ) HEPA หรือ “HEPA-type” (ประเภท HEPA) ตัวกรองเหล่านี้อาจไม่ได้ผ่านการรับรองและไม่ได้คุณภาพการใช้งานที่เท่าเทียมกับตัวกรอง HEPA แท้ จึงควรตรวจสอบข้อมูลให้แน่ใจก่อนการเลือกซื้อ

ตัวกรอง Activated Carbon ที่จะช่วยดูดซับกลิ่นไม่พึงประสงค์ และแก๊ซต่างๆ ช่วยขจัดควัน สารเคมี กลิ่นอาหาร และละออง โดยดักจับสารละอองที่เป็นอัตราย (VOCs) โดยรวดเร็ว ซึ่งสารเคมีที่เกิดจากการเผาไหม้หรือ จากผลิตภัณฑ์เคมีที่ใช้ในบ้านบางชนิด สามารถทำอันตรายต่อสุขภาพโดยเฉพาะผู้ที่เป็นโรคหอบหืด หรือแพ้สารเคมี

ตัวกรองป้องกันเชื้อแบคทีเรียและเชื้อโรค ช่วยขจัดเชื้อแบคทีเรียที่เป็นอันตรายและเชื้อโรคต่างๆ ซึ่งจะช่วยเพิ่มประสิทธิภาพในการฟอกอากาศให้ออกมาได้อย่างดียิ่งขึ้น

2. เลือกเครื่องฟอกอากาศให้เหมาะกับขนาดพื้นที่ห้อง

ขนาดพื้นที่ห้องเป็นปัจจัยสำคัญในการเลือกซื้อเครื่องฟอกอากาศ คุณต้องมั่นใจได้ว่าเครื่องสามารถทำงานได้ครอบคลุมพื้นที่ภายในห้องอย่างมีประสิทธิภาพ และเพื่อการฟอกอากาศที่มีคุณภาพ เราแนะนำให้คุณเลือกซื้อเครื่องฟอกอากาศที่สามารถฟอกอากาศได้กว้างกว่าพื้นที่ห้องของคุณประมาณ 20-40% ห้องขนาดใหญ่ก็ย่อมต้องการค่า CADR ที่สูงขึ้น และค่า CADR คืออะไร และจำเป็นต่อการเลือกซื้อเครื่องฟอกอากาศอย่างไร?

ค่า CADR ย่อมาจาก Clean Air Delivery Rate อัตราการส่งผ่านอากาศบริสุทธ์ เป็นค่าที่บอกประสิทธิภาพการฟอกอากาศที่แท้จริงโดยการนำไปทดสอบในห้องปฏิบัติการกับสารหรือละอองในอากาศ 3 ชนิด คือ ควันบุหรี่ (Smoke), ฝุ่น (Dust) และ เกสรดอกไม้ (Pollen) มีหน่วยเป็นมาตรฐานเป็น CFM (Cubic Feet per Minute) ซึ่งสามารถเปรียบเทียบประสิทธิภาพการทำความสะอาดอากาศกับพื้นที่ในห้องได้

ดังนั้นห้องที่มีขนาดใหญ่จึงต้องการเครื่องฟอกอากาศที่มีค่า CADR สูง โดยผู้ผลิตจะให้คำแนะนำค่า CADR และขนาดพื้นที่ห้องไว้เป็นแนวทางในการเลือกซื้อ คุณจึงควรศึกษาข้อมูลโดยละเอียดก่อนการตัดสินใจ

3. ระดับเสียงของเครื่องฟอกอากาศ

ไม่เพียงแค่ประสิทธิภาพในการฟอกอากาศที่เป็นประเด็นสำคัญในการเลือกซื้อเครื่องฟอกอากาศ แต่ระดับเสียงในการทำงานของเครื่องก็มีส่วนสำคัญเช่นกัน เพราะเครื่องฟอกอากาศนั้นมีระยะเวลาในการทำงานที่ยาวนาน ดังนั้นเครื่องควรจะทำงานได้เงียบ หากคุณกำลังมองหาเครื่องฟอกอากาศสำหรับหรับห้องนอน หรือห้องเด็กเล็ก เครื่องฟอกอากาศที่ทำงานได้เงียบจึงเป็นตัวเลือกที่น่าสนใจของคุณ หากใช้งานในห้องนั่งเล่นคุณสามารถเลือกเครื่องที่มีการตั้งค่าได้หลากหลายที่ปรับเปลี่ยนได้สะดวก โดยทั่วไปแล้วเครื่องฟอกอากาศควรมีระดับเสียงขณะทำงานที่ 50 เดซิเบล ซึ่งจะไม่เป็นการรบกวนการพักผ่อน

4. เลือกเครื่องฟอกอากาศที่มีฉลากไฟเบอร์ 5

ขึ้นชื่อว่าเป็นเครื่องใช้ไฟฟ้า ก็ควรจะเลือกแบบที่มีฉลากไฟเบอร์ 5 และมีระบบเปิดปิดเครื่องอัตโนมัติเพื่อให้ประหยัดพลังงาน มีการลักษณะปลั๊กเสียบเป็นอย่างไรหรือมีการใช้แบตเตอรี่แทน สามารถสั่งงานผ่านสมาร์ทโฟนหรือรีโมทได้ไหม มีรูปร่างและน้ำหนักที่ใหญ่มากน้อยแค่ไหน สามารถเคลื่อนย้ายเครื่องได้ง่ายไหม มีดีไซน์ที่หากวางในบ้านจะดูเข้ากับการตกแต่งบ้านรึเปล่า รายละเอียดเหล่านี้จะช่วยให้คุณตัดสินใจได้ง่ายมากขึ้น บางคนอาจเลือกที่ดีไซน์ก่อนประสิทธิภาพก็ไม่ผิดนะคะ

5. เลือกฟังก์ชั่นพิเศษที่จำเป็นจริงๆก็พอ

นอกจากฟังก์ชั่นการฟอกอากาศแล้วเครื่องฟอกอากาศยังมีฟังก์ชั่นอื่นๆที่ใส่เข้ามาในด้วย เพื่อประสิทธิภาพและความสะดวกที่มากขึ้น ทั้งนี้ควรเลือกเฉพาะที่จำเป็นจริงๆก็พอ เพราะถ้าเป็นรุ่นที่ทำอะไรได้หลายอย่างก็ย่อมทำให้มีราคาแพงขึ้นเช่นกัน โดยฟังก์ชั่นที่พบเห็นได้ทั่วไป อาทิเช่น

ฟังก์ชั่นเพิ่มความชื้นในอากาศ (Humidification Function) เมื่อเราอยู่ในห้องปรับอากาศนานๆ ผิวคนเรามักจะแห้ง การเติมความชื้นจะช่วยให้ผิวกลับมาชุ่มชื่นอีกครั้ง โดยฟังก์ชั่นนี้เหมาะสำหรับคนที่มีผิวแห้งหรือมีเลือดกำเดาไหลอยู่บ่อยๆ อย่างไรก็ตามก็จะยุ่งยากในการดูแลรักษาและต้องคอยเติมน้ำอยู่ตลอดเหมือนกัน

ฟังก์ชั่นการดักยุง (Mosquito Catching Function) ซึ่งก็จะเป็นการนำฟังก์ชั่นของเครื่องดักยุงมารวมกับเครื่องฟอกอากาศนั้นเอง ทั้งนี้อาจจะซื้อเครื่องดักยุงแยกกับเครื่องฟอกอากาศก็ได้ ยิ่งปัจจุบันเครื่องดักยุงเองก็มีราคาไม่แพงเท่าไหร่แล้ว

ฟังก์ชั่นการฆ่าเชื้อโรค ใครที่ต้องการห้องที่สะอาดและปลอดภัยสำหรับลูกๆ ควรเลือกรุ่นที่เพิ่มฟังก์ชั่นนี้เข้าไปด้วย โดยจะมีระบบ UV Light ที่ใช้รังสีอัลตราไวโอเลตมาใช้ และ ระบบ Ozone generator ที่ใช้แสงยูวีหรือการปล่อยกระแสไฟฟ้าในการสร้างโอโซนเพื่อฆ่าเชื้อโรค และกำจัดกลิ่นไม่พึ่งประสงค์

ฟังก์ชั่นอัตโนมัติต่างๆ อาทิ ฟังก์ชั่นป้องกันเด็ก ฟังก์ชั่นเปิดปิดเครื่องอัตโนมัติ ฟังก์ชั่นโหมดนอนหลับ ก็จะมีเพิ่มเข้ามาเพื่อให้สะดวกต่อการใช้งานมากขึ้น ตรงนี้อาจเลือกตามความต้องการพิเศษได้เลย เช่น การมีเด็กอยู่ที่บ้านหรือการเป็นคนนอนหลับยากถ้าห้องไม่เงียบสนิท ทั้งนี้ระดับเสียงที่เหมาะสมไม่ควรเกิน 30-31 เดซิเบล เพื่อป้องกันการรบกวนขณะพักผ่อน


ควรเปลี่ยนแผ่นกรองอากาศเมื่อไร?

ควรเปลี่ยนแผ่นกรองอากาศเมื่อไร?

แม้โดยปกติแผ่นกรองอากาศจะมีอายุการใช้งานยาวนานถึง 4-5 ปี แต่การที่ระบบแจ้งเตือนก่อนเวลานั้น อาจไม่ได้แปลว่าเครื่องทำงานขัดข้องหรือแผ่นกรองมีคุณภาพไม่ดีเสมอไป แต่เป็นเพราะว่าแผ่นกรองได้จับฝุ่นจนเต็มสมรรถภาพแล้ว ซึ่งในภาวะที่ฝุ่นเยอะขนาดนี้ แผ่นกรองอากาศโดยทั่วไปจะดักฝุ่นได้เต็มที่ประมาณ 1-2 ปี ก็ควรทำการเปลี่ยนได้แล้ว โดยแผ่นกรองมีทั้งประเภทที่คุณสามารถล้างทำความสะอาดได้ และแบบที่ต้องเปลี่ยนทิ้ง

ถามว่าเมื่อเครื่องเตือน ควรต้องเปลี่ยนเลยไหม หรือใช้ต่อไปก่อนได้? คำตอบคือต้องเปลี่ยน เพราะเมื่อแผ่นกรองได้ดักจับฝุ่นและเชื้อโรคต่างๆจนเต็มแผ่นหมดแล้ว (แผ่นกรองจะกลายเป็นสีเทาดำเต็มทั้งแผ่น) จะเกิดการอุดตัน ทำให้สิ่งปนเปื้อนที่ไหลผ่านเครื่องกรองอากาศย้อนกลับเข้ามาในห้อง แปลว่าเราก็จะสูดหายใจเอาสิ่งเหล่านั้นเข้าไปเต็มๆ


เคล็ดลับการดูแลเครื่องฟอกอากาศ

1. ทำความสะอาดแผ่นกรองและแผ่นคาร์บอนอย่างสม่ำเสมอ

สิ่งแรกที่ควรปฏิบัตินั้นก็คือ การทำความสะอาดแผ่นกรอง โดยใช้วิธีการดูดฝุ่นหรือใช้แปรงปัดที่บริเวณแผ่นกรองได้เลย ทั้งนี้เครื่องฟอกอากาศบางรุ่นก็จะมีแผ่นคาร์บอนที่ช่วยในการกรองกลิ่นก็ควรนำมาทำความสะอาดด้วยเช่นกัน โดยใช้วิธีการทำความสะอาดเช่นเดียวกับแผ่นกรอง สำหรับระยะเวลาการทำความสะอาดนั้น ขั้นต่ำจะอยู่ที่ประมาณ 3 เดือน หรือมาก น้อยกว่านั้นขึ้นอยู่กับการใช้งาน

2. เปลี่ยนแผ่นกรองและแผ่นคาร์บอน

ถึงแม้ว่าจะมีการทำความสะอาดแผ่นกรองและแผ่นคาร์บอนอย่างสม่ำเสมอ แต่ใช่ว่าจะสามารถใช้งานได้ตลอดไป เพราะไม่ว่าเราจะทำความสะอาดมากขนาดไหนก็อาจจะยังมีกลิ่นหรือสิ่งสกปรกต่างๆ หลงเหลืออยู่ โดยแผ่นกรองและแผ่นคาร์บอนนั้นจะมีอายุการใช้งานประมาณ 1 ปี ซึ่งแนะนำให้ควรมีการเปลี่ยนใหม่เพื่อความสะอาดและประสิทธิภาพของการทำงานที่ดี

3. การทำความสะอาดตัวเครื่องฟอกอากาศ

เมื่อทำความสะอาดภายในตัวเครื่องอย่างแผ่นกรองและแผ่นคาร์บอน ก็อย่าลืมที่จะทำความสะอาดภายนอกตัวเครื่องกันด้วย โดยใช้ผ้าชุบน้ำบิดหมาดเช็ดทำความสะอาด ซึ่งส่วนที่ต้องทำความสะอาดเป็นพิเศษนั้น ก็คือช่องปล่อยอากาศที่อาจมีฝุ่นหรือสิ่งสกปรกต่างๆ ติดอยู่นั้นเอง

4. การเลือกซื้อเครื่องฟอกอากาศให้เหมาะกับห้องและมีประสิทธิภาพ

เครื่องฟอกอากาศในปัจจุบันนั้นมีให้เลือกมากมายหลายแบบ ซึ่งควรมีการเลือกให้เหมาะกับพื้นที่ภายในห้องคล้ายๆ กับการเลือกเครื่องปรับอากาศ อีกทั้งระบบการทำงานต่างๆ เพื่อให้ได้ประสิทธิภาพการทำงานที่ดีนั้นเอง

5. ตรวจสอบการชำรุดเสียหาย

ปิดท้ายด้วยการตรวจสอบการทำงานของเครื่องฟอกอากาศว่ามีความผิดปกติหรือไม่ขณะใช้งาน รวมถึงอุปกรณ์ต่างๆ อาทิ สายไฟ หากเกิดความเสียหาก หรือชำรุด ควรรีบเปลี่ยนแก้ไขทันที เพื่อความปลอดภัยในการใช้งาน


บทส่งท้าย รีวิว เครื่องฟอกอากาศ

รีวิว เครื่องฟอกอากาศ ยี่ห้อไหนดี ปี 2023 กรองฝุ่น PM2.5 คุ้มค่า คุ้มราคา

จากรีวิวและบทความที่ได้นำมาฝากในวันนี้จะเห็นได้ว่า เครื่องกรองอากาศแต่ละยี่ห้อนั้นก็มีคุณสมบัติที่แตกต่างกันออกไป และขึ้นอยู่กับความชื่นชอบของแต่ละบุคคล การเลือกซื้อเครื่องฟอกอากาศจากยี่ห้อที่น่าเชื่อถือ เป็นสิ่งสำคัญที่คุณควรคำนึงเสมอ เพราะอากาศคือปัจจัยที่สำคัญในการดำรงชีวิต การมีอากาศที่สะอาดบริสุทธิ์ ปลอดภัยสำหรับสมาชิกในครอบครัวทุกวัย จะช่วยดูแลให้คุณมีสุขภาพแข็งแรง และมีความสะดวกสบาย ในชีวิตประจำวันได้เป็นอย่างดีเลยค่ะ และที่สำคัญควรทำความสะอาดและเปลี่ยนแผ่นกรองทุกครั้งเมื่อถึงเวลา เพื่อที่จะได้ใช้งานในระยะยาวได้นะคะ เห็นข้อดีและประโยชน์ของเครื่องฟอกอากาศแบบนี้แล้วควรมีติดบ้านไว้สักเครื่องเลยนะคะ เพื่อสุขภาพที่ดีของคุณและคนในครอบครัวค่ะ

บทความที่คุณอาจสนใจ